โปรเเกรมภาษาคอมพิวเตอร์
เราใช้ภาษาเพื่อใช้ในการสื่อสารซึ่งกันและกันทำให้เราเข้าใจตรงกัน ซึ่งแต่ละภาษาก็มีความแตกต่างกันไป และในคอมพิวเตอร์เองก็มีภาษาคอมพิวเตอร์เช่นกัน ภาษาคอมพิวเตอร์คืออะไร และใช้เพื่ออะไรนั้น เราไปดูกันเลย >>>>
ภาษาคอมพิวเตอร์ หมายถึง ภาษาใดๆ ที่ผู้ใช้งานใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ด้วยกัน แล้วคอมพิวเตอร์สามารถทำงานตามคำสั่งนั้นได้ คำนี้มักใช้เรียกแทนภาษาโปรแกรม แต่ความเป็นจริงภาษาโปรแกรมคือส่วนหนึ่งของภาษาคอมพิวเตอร์เท่านั้น และมีภาษาอื่นๆ ที่เป็นภาษาคอมพิวเตอร์เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น HTML เป็นทั้งภาษามาร์กอัปและภาษาคอมพิวเตอร์ด้วย แม้ว่ามันจะไม่ใช่ภาษาโปรแกรม หรือภาษาเครื่องนั้นก็นับเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยทางเทคนิคสามารถใช้ในการเขียนโปรแกรมได้ แต่ก็ไม่จัดว่าเป็นภาษาโปรแกรม
ภาพจากhttp://www.amplysoft.com
ภาษาคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ ภาษาระดับสูง (high level) และภาษาระดับต่ำ (low level)
ภาษาระดับต่ำ ได ้แก่ ภาษาเครื่อง และภาษา Assembly
ภาษาระดับสูง ได ้แก่ Basic, Pascal, Ada, C, Cobol, Fortran และอื่นๆ
ภาษาระดับสูงใช้งานง่ายและสะดวกสบายมากกว่าภาษาระดับต่ำ ภาษาระดับต่ำควบคุมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ได้ดีกว่า
ภาษาคอมพิวเตอร์แบ่งออกได้เป็น 5 ยุค
ยุคที่ 1 ภาษาเครื่อง ( Machine Language)
ภาษาเครื่อง เป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระดับต่ำที่สุด ซึ่งคอมพิวเตอร์เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านตัวแปลภาษาเพราะเขียนคำสั่งและแทนข้อมูลด้วยเลขฐานสอง (Binary Code) ทั้งหมด ซึ่งเป็นการเขียนคำสั่งด้วยเลข 0 หรือ 1
ข้อดีของภาษาเครื่อง คือสามารถเขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง และสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ยุคที่ 2 ภาษาแอสเซมบลี ( Assembly Language)
ภาษาแอสเซมบลี จัดอยู่ในภาษาระดับต่ำ และเป็นภาษาที่พัฒนาต่อมาจากภาษาเครื่อง ภาษาแอสเซมบลีมีความใกล้เคียงกับภาษาเครื่องมาก คือ 1 คำสั่งของภาษาแอสเซมบลีจะเท่ากับ 1 คำสั่งของภาษาเครื่อง โดยที่ภาษาแอสเซมบลีจะเขียนคำสั่งเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ เพื่อใช้แทนคำสั่งภาษาเครื่อง ทำให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น โดยการจดจำรหัสคำสั่งสั้นๆ ที่จำได้ง่าย ซึ่งเรียกว่า นิวมอนิกโค้ด
สรุปคำสั่งที่เขียนด้วยภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ในยุคที่ 1 และที่ 2 จะต้องใช้เทคนิคการเขียนโปรแกรมสูง เพราะมีความยืดหยุ่นในการเขียนน้อยมาก และมีความยากในการเขียนคำสั่งสำหรับผู้เขียนโปรแกรม แต่สามารถควบคุม และเข้าถึงการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง และมีความรวดเร็วกว่าการใช้ภาษาระดับอื่นๆ
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงจะต้องใช้ตัวแปลภาษา ที่เรียกว่า คอมไพเลอร์ (Compiler) เพื่อแปลภาษาระดับสูงโดยการตรวจสอบไวยากรณ์ของภาษาระดับสูง ไปเป็นภาษาเครื่องเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานต่อไป โดยคอมไพเลอร์ของภาษาระดับสูงแต่ละภาษาจะแปลเฉพาะภาษาของตนเอง และทำงานได้เฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดเดียวกันเท่านั้น

สรุปภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 มีการเขียนโปรแกรมที่ง่ายกว่าในยุคที่ 2 สามารถทำงานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์หลายระดับ โดยต้องใช้ควบคู่กับตัวแปลภาษา สำหรับเครื่องนั้นๆ และมีความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหาได้มากกว่าภาษาระดับต่ำ
ยุคที่4 ภาษาระดับสูงมาก ( Very high-level Language)
เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมด้วยคำสั่งสั้นๆและง่ายกว่าภาษาในยุคก่อนๆ มีการทำงานแบบไม่จำเป็นต้องบอกลำดับของขั้นตอนการทำงานเขียนโปรแกรมได้ง่ายและรวดเร็ว กว่าภาษาระดับสูงในยุคที่ 3 มีการเขียนโปรแกรมแบบบอกขั้นตอนการทำงาน ภาษาระดับสูงมากทำงานเหมือนกับภาษาพูดว่าต้องการอะไร และเขียนเหมือนภาษาอังกฤษ
ยุคที่5 ภาษาธรรมชาติ ( Natural Language)
ภาษาธรรมชาติจัดภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า สั่งงานคอมพิวเตอร์ทำงานโดยการใช้ภาษาธรรมชาติต่างๆ เช่น ภาพ หรือ เสียง โดยไม่สนใจรูปแบบไวยากรณ์หรือโครงสร้างของภาษามากนัก ซึ่งคอมพิวเตอร์จะพยายามคิดวิเคราะห์ และแปลความหมายโดยอาศัยการเรียนรู้ด้วยตนเองและระบบองค์ความรู้ มาช่วยแปลความหมายของคำสั่งต่างๆและตอบสนองต่อผู้ใช้งาน
ข้อดีของภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 5 คือผู้เขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมได้เร็ว โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม แต่คอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรแกรมต้องมีระบบรับคำสั่ง และประมวลผลแบบอัจฉริยะ สามารถตอบสนองและทำงานได้หลายแบบ
**ภาษา Java และภาษา C และ C++
สำหรับภาษาจาวาและภาษา c นั้น เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้ยินการพูดถึงกันบ่อยๆและคงพบเห็นกันตามหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่ก็อาจยังไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร จึงนำข้อมูลเกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 อย่างนี้มาเพื่อไขข้อข้องใจกัน >>>>>>
ภาพจากhttp://anonjava.blogspot.com/
ภาษา Java เป็นภาษาระดับสูงในยุคที่ 4 ที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้วัตถเป็นหลักในการพิจารณาสิ่งต่างๆที่สนใจ ดังนั้นโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษา Java ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มของ Object ถูกจัดกลุ่มในรูปของ Class โดยที่แต่ละคลาสมีคุณสมบัติการถ่ายทอดลักษณะภาษา Java ได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษา Java สามารถทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสภาวะแวดล้อมต่างกันได้โดยไม่ขึ้นกับแพตฟอร์มใดๆ เป็นภาษาที่มีไวยากรณ์เข้าใจง่าย

ภาษา C เป็นภาษาระดับสูง เป็นภาษาที่รวมเอาข้อดีของภาษาระดับสูงในเรื่องของความยืดหยุ่น และไวยากรณ์ ที่ง่ายต่อการเข้าใจมีประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงาน ทำให้โปรแกรมที่พัฒนาด้วย ภาษาซีทำงานได้เร็วกว่าโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาระดับสูงอื่น ๆ ในขณะที่การพัฒนา และแก้ไขโปรแกรมสามารถทำได้ง่ายเช่นเดียวกับภาษาระดับสูงทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ภาษา C ยังได้มีการพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปอีก โดยทำการประยุกต์แนวความคิดของการ โปรแกรมเชิงวัตถุเข้ามาใช้ในภาษา ทำให้เกิดเป็นภาษาใหม่คือ C++ ซึ่งเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมใช้ในงานพัฒนาโปรแกรมอย่างมาก
อ้างอิง http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/1201104/Unit_1/Unit_1_01_3.htm
https://th.wikipedia.org/wiki/